ทำไมต้องสอนเด็กให้มี Kindness

ความหวังดี ความปรารถนาดี ความมีน้ำใจ ความมีจิตใจอ่อนโยนต่อผู้อื่น เป็นคาแรกเตอร์ที่เด็กในยุคนี้จำเป็นต้องมี เพราะเมื่อเด็กๆ เริ่มส่งสิ่งที่ดีเหล่านี้ไปยังผู้อื่นจะช่วยสร้างความรู้สึกที่ดีให้กับผู้ที่ได้รับแล้ว ยังเป็นการสร้างสภาพแวดล้อมเชิงบวก ซึ่งจะส่งผลให้สังคมนี้น่าอยู่มากขึ้นด้วยค่ะ

นอกจาก Kindness จะทำให้สังคมน่าอยู่ขึ้นแล้ว ยังช่วยเด็กๆ ในด้านในบ้าง ตาม #Momster มาดูกันค่ะ

  เพิ่มการยอมรับจากเพื่อน

เด็กที่มีจิตใจดี มีเมตตา มีน้ำใจต่อเพื่อน มักจะได้รับการยอมรับจากเพื่อนมากกว่าเด็กที่ก้าวร้าว ชอบใช้ความรุนแรง เพราะการที่เด็กมีพฤติกรรมเชิงบวกกับเพื่อน จะทำให้เพื่อนรู้สึกปลอดภัยอยากเข้าหา อยากเล่นด้วย และในขณะเดียวกันยังทำให้การบูลลี่ในเด็กลดลงด้วย เพราะเด็กๆเขาจะเข้าใจผู้อื่นและให้ความสำคัญแก่ผู้อื่นมากขึ้น

จะว่าไปไอ้เจ้า Kindness นี่เป็นตัวช่วยในการลดตัวตนที่ดีตัวหนึ่งเลยนะ

  คุณภาพชีวิตใจและกายดีขึ้น

การส่งความปรารถนาดีไปยังผู้อื่น นอกจากจะทำให้ผู้ที่ได้รับความหวังดีนั้น มีความรู้สึกดีเกิดขึ้นแล้ว คนที่เป็นฝ่ายให้เอง ก็จะรู้สึกอิ่มเอมใจไม่แพ้กัน และเมื่อมีความรู้สึกที่ดีเกิดขึ้น จะทำให้ระดับสารเซโรโทนิน (Serotonin) เพิ่มขึ้น ซึ่งเจ้าสารนี้จะช่วยปรับความรู้สึกและมีผลต่ออารมณ์ไปในทางบวก เช่น ทำให้มีความสุข จิตใจเบิกบาน มีสมาธิ ลดอาการวิตกกังวล ความจำดีขึ้น และส่งผลดีในการช่วยกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ ทำให้เกิดการเรียนรู้ จินตนาการที่กว้างไกล รวมถึงช่วยลดการซึมเศร้าในเด็กได้ด้วยค่ะ

นอกจากนั้นการที่เป็นคนมีจิตใจดี มีเมตา ชอบช่วยเหลือคนอื่น ยังช่วยให้เรามีสุขภาพกายที่ดี นอนหลับดีขึ้น ลดความเสี่ยงต่อโรคร้ายได้กว่าด้วยค่ะ

  มองเห็นคุณค่าในตัวเองมากขึ้น

การเป็นคนมีเมตตา ปรารถดีต่ออื่น จะมองโลกในแง่ดี มองเห็นคุณค่าในคนอื่น ไม่ว่าสถานการณ์ไหน ซึ่งสิ่งนี้จะทำให้เด็กๆ มองเห็นว่าความสมบูรณ์แบบไม่มีอยู่จริง ทุกสิ่งล้วนอยู่ที่เรามอง และนั่นจะช่วยให้เด็กๆ มองเห็นคุณค่า และมีเมตตาต่อตัวเอง

นอกจากการปลูกฝังความรู้ด้านวิชาการให้กับเด็กๆ แล้ว การปลูกฝังให้เด็กมีความรู้สึกนึกคิดที่ดี มีความหวังดีกับผู้อื่น รวมถึงการมีพลังบวกอยู่เสมอ จะช่วยให้เด็กๆ เติบโตขึ้นมาเป็นแรงขับเคลื่อนที่ดีของสังคมในอนาคตได้ค่ะ

พักสายตา ฟังบทความนี้แบบ Audiobook