สุขภาพครรภ์ดีต้องมีน้ำหนักแค่ไหน!

Last updated: 23 มิ.ย. 2562  | 

คนทั่วไปมักเข้าใจกันว่า คนท้องจะต้องกินเยอะๆ เพื่อลูกในท้องจะได้สมบูรณ์แข็งแรง แต่ความจริงแล้ว การรับประทานมากไป นอกจากจะไม่ส่งผลดีต่อร่างกายแล้ว อาจยังนำคุณสู่ภาวะเสี่ยงในขณะตั้งครรภ์ได้อีกด้วย ขณะเดียวกันการรับประทานอาหารน้อยเกินไป ก็ไม่เป็นผลดีต่อเจ้าตัวเล็กในท้อง ทำให้เสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนด หรือน้ำหนักตัวแรกคลอดน้อยเกินไป ซึ่งจะมีผลต่อต่อเนื่องถึงพัฒนาการเจริญเติบโตของเขาในอนาคต

ดังนั้น โภชนาการที่ดีต่อสุขภาพของคุณแม่ และลูกน้อยในครรภ์ จึงควรควบคุมการบริโภคให้อยู่ในเกณฑ์พอดี ซึ่งถ้าหากคุณมีน้ำหนักและส่วนสูงได้สัดส่วนกัน ก็ให้บริโภคอาหารในระดับปริมาณตามปกติที่เคยบริโภคก่อนตั้งครรภ์ แต่ถ้าคุณน้ำหนักอ้วน หรือผอมเกินไป ก็ต้องปรับเพิ่มลดปริมาณอาหารที่ต้องบริโภคให้เหมาะสม

หากอยากทราบว่า ปัจจุบันคุณมีน้ำหนักอ้วน หรือผอมเกินไป ให้คำนวณหาค่า BMI หรือ ดัชนีมวลรวมของร่างกาย โดยใช้สูตรคำนวณด้านล่างนี้

น้ำหนัก (กก. * 2.2) * 703
ส่วนสูง (เซนติเมตร * 0.39) * (เซนติเมตร * 0.39)


หากค่าบีเอ็มไอของคุณ...
ต่ำกว่า 18.5  คุณมีน้ำหนักน้อยกว่ามาตรฐาน ต้องปรับเพิ่มปริมาณการบริโภค
18.5 – 25      น้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ปกติ คงปริมาณการบริโภคเดิม
มากกว่า 25   น้ำหนักมากกว่าเกณฑ์ปกติ ต้องลดปริมาณการบริโภค

ตัวอย่าง น้ำหนัก 40 กก. ส่วนสูง 154  ดัชนีมวลรวมร่างกาย หรือ BMI จะมีค่าเท่ากับ 17.15 ดังสูตรการคำนวณด้างล่าง

(40*2.2) * 703
(154*0.39) * (154*0.39)


ถ้าหากคุณไม่ถนัดคำนวณ ก็สามารถควบคุมปริมาณการเพิ่มขึ้นของน้ำหนักในขณะตั้งครรภ์ได้ง่ายๆ จากค่ามาตรฐานโดยการแนะนำของแพทย์ ซึ่งมีอัตราส่วนดังนี้

ไตรมาสที่ 1 : ควรเพิ่มขึ้น 0.3 – 0.5 กิโลกรัม ต่อเดือน โดยเฉลี่ยแล้วตลอด 3 เดือนแรกจะต้องมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นรวมแล้วไม่เกิน 1.5 กิโลกรัม กินอาหารให้ได้พลังงานมากกว่า 200 แคลอรี่ต่อวัน

ไตรมาสที่ 2 : ควรเพิ่มขึ้น 0.4 กิโลกรัม ต่อสัปดาห์ เมื่อถึงปลายเดือนที่ 6 ควรมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 5-6 กิโลกรัม กินอาหารให้ได้พลังงานมากกว่า 300 แคลอรี่ต่อวัน 

ไตรมาสที่ 3 : ควรเพิ่มขึ้น 0.3 กิโลกรัมต่อสัปดาห์ รวมเบ็ดเสร็จแล้ว คุณควรมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นทั้งหมด 10 กิโลกรัม โดยเฉลี่ย

สิบกิโลกรัมยามตั้งครรภ์มาจากไหน ?

น้ำหนักกว่าสิบกิโลกรัมที่เพิ่มขึ้นมา และคุณแม่ต้องแบกรับร่วมเก้าเดือนนั้นกระจายไปอยู่ตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายดังนี้

น้ำหนักตัวลูกน้อย 3,000 กรัม
น้ำหนักรก 500-700 กรัม
น้ำหนักน้ำคร่ำ 1,000 กรัม
กล้ามเนื้อมดลูก 1,000 กรัม
เต้านม 300-500 กรัม
ปริมาณเลือดที่เพิ่มขึ้น 1,000 กรัม
ปริมาณน้ำในร่างกายคุณแม่ 1,500 กรัม
ไขมันที่สะสมในตัวคุณแม่ 3,000 กรัม

จะเห็นว่าจำนวนน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น เป็นไขมัน และน้ำ 4.5 กิโลกรัม ซึ่งจะลดลงทันทีหลังคลอด หากยังมีน้ำหนักส่วนเกินคงเหลืออยู่ แสดงว่านั่นเป็นไขมันของคุณที่เพิ่มขึ้นมาเอง

แต่ถ้าคุณเอาใจใส่กับการเลือกรับประทานอาหารที่มีคุณค่าครบถ้วนอยู่เสมอดีแล้ว ปัญหานี้จะไม่เกิดขึ้น หากยังคงมีน้ำหนักเกินในระหว่างตั้งครรภ์ก็เพิ่มขึ้นได้ไม่มากนัก



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้