เป็นพ่อแม่ก็หมดไฟได้ “ไม่เป็นไรนะ” (Parental Burnout)

Last updated: 6 ต.ค. 2565  | 

 

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมามีผลสำรวจจากนักวิจัยในหลายประเทศพูดถึงเรื่องของการหมดไฟ (Burnout) ไว้ว่านอกจากเราจะสามารถหมดไฟจากการทำงานได้แล้ว การเป็นพ่อแม่ก็สามารถหมดไฟได้เหมือนกัน นั้นก็เพราะว่า “ความต้องการเป็นพ่อแม่ที่ดีที่สุด” ที่คอยกดดันตัวเองว่าจะต้องประสบความสำเร็จทั้งการทำงานและการเลี้ยงลูก ซึ่งการตั้งความหวังกับตัวเองในรูปแบบนี้แหละ เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของการหมดไฟในการเป็นพ่อแม่


อีกหนึ่งงานวิจัยที่พูดถึงเรื่องนี้คือ Dr. Isabelle Roskam ผู้ศึกษาวิจัยเรื่อง Parental burnout ได้กล่าวว่า อาการหมดไฟนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน แต่เป็นความเหน็ดเหนื่อยที่สะสมมานาน จนรู้สึกเอ่อล้นอีกด้วย แน่นอนว่าการหมดไฟในบทบาทของพ่อแม่ สามารถจัดการให้ดีขึ้นได้หากสังเกตเห็นอาการ และรู้วิธีรับมือ


  สัญญาณที่บ่งบอกว่าพ่อแม่กำลังมีอาการ Parental Burnout

• ขาดแรงบันดาลใจ
• รู้สึกเหนื่อยอยู่ตลอดเวลา
• ความรู้สึกอยากอาหารลดน้อยลง
• รู้สึกปวดหัว กล้ามเนื้อคอ และส่วนอื่นๆ
• รู้สึกไม่มีความหวัง
• รู้สึกเหมือนอยู่คนเดียวบนโลก
• นอนไม่หลับแม้จะเหนื่อยมาก
• หลงลืมง่าย


  พ่อแม่แบบไหนถึงเข้าข่าย Parental Burnout

1. คาดหวังและตีกรอบให้ลูกมากเกินไป และเมื่อทุกอย่างมันไม่ได้เป็นอย่างที่หวังไว้ ก็จะรู้สึกเครียด
2. ขาดการช่วยเหลือจากคู่ชีวิตอีกฝ่ายหนึ่ง หรือการโยนภาระให้กับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
3. จัดการกับความเครียดไม่เก่ง มีพ่อแม่ไม่น้อยที่ชอบเก็บปัญหาไว้เพียงคนเดียว เพราะคิดว่าตัวเองสามารถจัดการกับปัญหานั้นได้ แต่แล้วปัญหานั้นก็ไม่ได้ถูกแก้ไข อีกทั้งยังค่อยๆ ดูดพลังงานชีวิตของตัวเองไปเรื่อยๆ
4. พ่อแม่เต็มเวลา (Fulltime) การใช้เวลาเลี้ยงลูก 24 ชั่วโมง จนไม่มีเวลาเป็นของตัวเอง

 
  เมื่อพ่อแม่เริ่มหมดไฟ ต้องทำยังไงดี

ถึงแม้ว่าเราทุกคนสามารถอยู่ในสภาวะหมดไฟได้ แต่ว่าเราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ชีวิตแบบในสภาวะหมดไฟไปตลอด เพราะปัญหาย่อมมีทางออก เลือกทำหลายๆข้อที่ทำได้ก่อน แล้วทุกอย่างก็จะค่อยๆดีขึ้น

• คุยกับคู่ชีวิตของคุณ
จงซื่อสัตว์ต่อความรู้สึกของตัวเองและไม่ต้องกลัวที่จะบอกอีกฝ่ายว่ากำลังรู้สึกว่าชีวิตยุ่งเหยิง และทุกอย่างถาโถมมาที่ตัวของคุณมากเกินไป เพื่อให้อีกฝ่ายได้ช่วยแบ่งเบา หรืออย่างน้อยๆ ช่วยรับฟัง

• นอนหลับให้เต็มอิ่ม
สิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับคุณพ่อคุณแม่ลูกอ่อน เพราะต้องตื่นทุก 2 – 3 ชั่วโมง ทั้งให้นม เปลี่ยนผ้าอ้อม เวลานอนอย่าหวังว่าจะมี แต่เชื่อเถอะว่าคุณเองสามารถบริหารจัดการเวลาให้ได้งีบอย่างน้อยที่สุดคือ 20 นาที สมองจะได้พักผ่อนและช่วยคลายความเครียดหรือเหนื่อยล้า มีสมาธิเพิ่มขึ้นได้ เพราะฉะนั้นการหาเวลาให้ร่างกายได้พักผ่อนนั้นสำคัญ

• ออกกำลังกาย
ดูเหมือนไม่ง่ายเลยที่จะแบ่งเวลามาออกกำลังกายด้วยในขณะที่เวลาจะนอนให้อิ่มยังไม่มี แต่ถ้าคุณจัดสรรเวลาวันละ 15 – 20 นาทีเท่านั้นในการยืดเส้นยืดสาย โยคะ หรือแอโรบิค การออกกำลังกายเหล่านี้จะทำให้คุณกระฉับกระเฉงมากขึ้นระหว่างวัน เลือดลมไหลเวียนดี คลายความตึงเครียด และช่วยให้นอนหลับสบาย ลองเถอะ

• ใจดีกับตัวเองบ้างก็ได้
อ่านไม่ผิดหรอก การเป็นพ่อแม่คนเป็นการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆไปพร้อมๆกับทำความรู้จักและเข้าใจลูกมากขึ้น แค่จำไว้ว่าไม่มีอะไรเลวร้าย และการหมดเรี่ยวแรงก็ไม่ใช่เรื่องผิด อะไรที่เคยไม่เข้าใจพอเวลาผ่านไปเราก็เข้าใจมากขึ้น จงให้อภัยตัวเองเป็นอันดับแรกเมื่อผิดพลาดเล็กๆน้อยๆ พ่อแม่ที่ไม่ได้สมบูรณ์แบบก็เลี้ยงลูกให้เติบโตอย่างมีความสุขได้


เป็นกำลังใจให้พ่อแม่ทุกท่านที่กำลังอยู่ในภาวะหมดไฟนะคะ

พักสายตา ฟังบทความนี้แบบ Audiobook 

 

 

 

 

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้