Lifestyle

หลังจากไข่ที่ปฏิสนธิแล้วฝังตัวอยู่ในเยื่อบุโพรงมดลูก มดลูกของคุณจะเริ่มขยายใหญ่ขึ้น และนุ่มขึ้น เนื้อบริเวณปากมดลูกค่อยๆ เปลี่ยนไป ขณะที่ไข่มีการแบ่งตัวจนกลายเป็นตัวอ่อน จากนั้นตัวอ่อนจะหลั่งฮอร์โมนตั้งครรภ์เข้าไปในกระแสเลือดของคุณ ระดับฮอร์โมนที่สูงขึ้นมีผลต่อระบบประสาทสัมผัส โดยเฉพาะอย่างยิ่งประสาทการรับรู้กลิ่น ในช่วงสัปดาห์นี้....

อาการคลื่นเหียน หรือที่เรียกว่าอาการแพ้ท้อง ในช่วง 2-3 สัปดาห์แรก อาจมีอาการเล็กน้อย นอกจากนี้อาจมีอาการเจ็บคัดที่เต้านม เนื่องจากต่อมผลิตน้ำนมเริ่มทำงาน รู้สึกเหนื่อยเพลีย เนื่องจากระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนที่หลั่งออกมาเพิ่มขึ้น ระหว่างนี้จึงยังควรต้องพักผ่อนให้มาก

ระดับฮอร์โมนที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้คุณต้องเข้าห้องน้ำบ่อยขึ้น คุณจะรู้สึกว่าหน้าอกขยายออกเรื่อยๆ และตึงคัด สีผิวรอบๆ หัวนมเริ่มมีสีคล้ำขึ้น หากคุณยังไม่มีอาการแพ้ท้องในสัปดาห์ก่อน รับรองว่าสัปดาห์นี้คุณไม่รอดแน่ แต่ก็มีบ้างเหมือนกัน ที่คุณแม่บางรายก็ไม่มีอาการอะไรเลย แต่คุณพ่อกลับมีอาการซะเอง แบบที่ชาวบ้านเขาเรียกกันว่าแพ้ท้องแทนเมียนั่นล่ะค่ะ นอกจากนี้ระดับฮอร์โมนที่เพิ่มขึ้นสูง จะทำให้ระดับอารมณ์ของคุณขึ้นๆ ลงๆ ไม่เป็นปกติ...

คุณเริ่มมีอาการแพ้ท้องรุนแรงมากขึ้น  จมูกไวต่อกลิ่นต่างๆ รู้สึกเบื่ออาหาร จนถึงอาเจียน ไม่มีใครรู้ได้ว่าอาการเหล่านี้มีสาเหตุมาจากอะไร แต่สามารถอธิบายตามทฤษฎีได้ว่า น่าจะเป็นเพราะระดับฮอร์โมนที่สูงขึ้น ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ ความเครียด และความเหนื่อยอ่อน หรือแม้กระทั่งความกังวลในการปฏิบัติตัวที่ถูกต้องเพื่อความปลอดภัยของลูกในท้อง เหล่านี้ทำให้เกิดอาการอาหารเป็นพิษได้ง่าย

คุณจะรู้สึกเหนื่อยง่าย อ่อนเพลียอยู่เสมอ  เพราะร่างกายของคุณกำลังทำงานหนักเพื่อการเตรียมพร้อมสำหรับการตั้งครรภ์  อัตราการเต้นของหัวใจเร็วถี่ขึ้น อัตราการเกิดกระบวนการเผาพลาญอาหารไปเป็นพลังงานเพิ่มสูงขึ้นถึง 25% ดังนั้นคุณจึงควรพักผ่อนให้มากๆ อาการเหล่านี้จะหายไปได้เองภายหลังสัปดาห์ที่ 12

สะโพกเริ่มขยาย ถึงแม้เอวจะเริ่มคับแน่น แต่คุณก็ยังดูไม่เหมือนคนท้องสักเท่าไรหรอก โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าหากนี่เป็นท้องแรกของคุณ มดลูกของคุณจะขยายใหญ่ขึ้นเท่าตัวเนื่องจากการตั้งครรภ์ และจะไปกดทับที่กระเพาะปัสสาวะ จึงเป็นธรรมดาที่คุณจะรู้สึกเจ็บ หรือขัดเวลาปัสสาวะ แต่ถ้าคุณรู้สึกเจ็บมาก และเป็นบ่อยครั้ง คุณควรแจ้งให้คุณหมอที่รับฝากครรภ์ทราบด้วย

การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน จะทำให้คุณมีอารมณ์อ่อนไหวง่าย แปรปรวนง่าย เพราะความกังวลต่อภาระความเป็นแม่ในอนาคต ในช่วงนี้คุณหมอที่รับฝากครรภ์จะทำการตรวจหาความผิดปกติภายในครรภ์ของคุณ พยายามทำจิตใจให้สบาย อย่าเป็นกังวลมากนัก หากคุณสงสัยอะไรให้ปรึกษาหมอที่รับฝากครรภ์ แล้วปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ทุกอย่างก็จะเป็นไปด้วยดี

อัตราการเผาผลาญอาหารที่เพิ่มขึ้นทำให้คุณจะรู้สึกกระหายน้ำมากกว่าปกติ  นั่นเป็นสัญญาณบอกว่าร่างกายมีความต้องการน้ำมากขึ้น แน่นอนว่าคุณยังคงต้องเข้าห้องน้ำบ่อยขึ้นต่อไปอีก คุณอาจยังรู้สึกว่ามือ และเท้าของคุณอุ่นขึ้น เนื่องจากระดับเลือดมีอุณหภูมิสูงขึ้น 40-50%

ใน 3 เดือนแรก เป็นช่วงที่มีความสำคัญที่สุดสำหรับการตั้งครรภ์ เนื่องจากจะเป็นช่วงที่อวัยวะสำคัญต่างๆ ของทารกกำลังพัฒนาอย่างเต็มที่ ดังนั้นคุณหมอจะต้องตรวจเลือด และซักประวัติสุขภาพของคุณอย่างละเอียด ซึ่งถ้าหากคุณผ่านพ้นช่วงนี้มาได้แล้ว นั่นหมายความว่า ความเสี่ยงต่อการแท้งจะลดลง 65% ตอนนี้ อาการแพ้ท้องต่างๆ จะลดลงด้วยเช่นกัน คุณจะเริ่มรู้สึกสบายขึ้น มีเพียงหน้าท้องเท่านั้นที่ขยายออกเรื่อยๆ

ระบบการย่อยอาหารของคุณช้าลง  คุณอาจเกิดอาการท้องผูกขึ้นได้ เนื่องจากระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนเพิ่มขึ้น ทำให้กล้ามเนื้อในลำไส้มีการทำงานที่ช้าลง ทำให้อุจจาระแข็ง และแห้ง มดลูกที่ขยายใหญ่ขึ้นทำให้เกิดแรงกดไปที่กระเพาะอุจจาระทำให้การทำหน้าที่ต่างๆ ภายในร่วนไปหมด คุณควรดื่มน้ำมากๆ (ประมาณ 2 ลิตรต่อวัน) กินผักผลไม้ดิบ หรือผลไม้แห้ง และหาเวลาออกไปเดินออกกำลังกายบ้าง

มดลูกของคุณขยายใหญ่ขึ้น ตอนนี้มดลูกของคุณมีขนาดเท่าลูกแตงโม หมอสามารถคลำพบส่วนบนสุดของยอดมดลูกได้ในตำแหน่งที่ห่างจากกระดูกหัวหน่าวขึ้นมาประมาณ 2 นิ้วมือ ในผู้หญิงบางคนจะพบว่ามีเส้นสีดำขึ้นกลางท้องเป็นแนวตรง ซึ่งจะหายไปได้เองหลังคลอด

ผิวของคุณเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง  คุณอาจเริ่มเป็นกระ ฝ้า ที่ผิวเหมือนกับที่เกิดขึ้นกับรอบหัวนม ระดับฮอร์โมนแอสโตรเจนที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้เส้นเลือดฝอยปรากฏขึ้นที่หน้า คอ ช่วงบนอก และแขน คุณอาจสังเกตเห็นกลุ่มเส้นเลือดสีน้ำเงินบริเวณผิวช่วงหน้าอก หมั่นทาครีมบำรุงผิวไว้ คุณจะไม่มีปัญหาเรื่องผิวแตกลายหลังคลอด

การตัดสินใจตรวจหาความผิดปกติในครรภ์  เข้าเดือนที่ 4 คุณหมอจะแนะนำให้คุณตรวจเช็กเพื่อหาความเสี่ยงที่จะเกิดความปกติขึ้นในครรภ์ แต่บางกรณี เช่น การเจาะถุงน้ำคร่ำ อาจทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการแท้งได้ ดังนั้น คุณจึงควรขอให้คุณหมอช่วยอธิบายถึงผลได้ผลเสียให้ชัดเจนเสียก่อนตัดสินใจ

ตอนนี้มดลูกจะอยู่ใต้สะดือระหว่าง 1 นิ้วครึ่ง และ 2 นิ้ว มดลูกของคุณจะยกตัวสูงออกมาจากอุ้งเชิงกราน ดังนั้นคุณจึงสามารถสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวเป็นครั้งแรก คุณแม่ที่เคยมีประสบการณ์ในการตั้งครรภ์มาก่อน จะรู้สึกถึงการดิ้นของทารกในครรภ์ได้ตั้งแต่สัปดาห์นี้เป็นต้นไป แต่สำหรับคุณแม่ที่ยังไม่เคยมีประสบการณ์ต้องรออีกประมาณ 2 สัปดาห์.....

ความรู้สึกทางเพศของคุณถูกกระตุ้นได้ง่ายขึ้น เนื่องจากระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนที่เพิ่มขึ้นภายในร่างกายของคุณ ทำให้เลือดไหลไปหล่อเลี้ยงบริเวณอุ้งเชิงกรานมากขึ้น แถมอาการแพ้ท้อง และความอ่อนเพลียได้หายไปหมดสิ้นแล้ว คุณสามารถมีกิจกรรมทางเพศร่วมกันได้ โดยจะต้องหลีกเลี่ยงการกดทับช่วงหน้าท้อง

มดลูกจะขยายใหญ่จนดันออกมานอกกระดูกเชิงกราน เป็นผลให้คุณรู้สึกปวดเป็นพักๆ บริเวณขาหนีบ หรือเจ็บแปล๊บจากบริเวณกระดูกเอ็นที่ยึดมดลูกไว้ขึ้นมาบริเวณท้องน้อยได้ แต่โดยส่วนใหญ่แล้วอาการปวดจะหายไปได้เองภายใน 2-3 วัน และจะกลับมาเป็นอีกครั้งในช่วงท้ายๆ ของการตั้งครรภ์ การเคลื่อนไหวด้วยความระมัดระวัง และพักผ่อนให้มากๆ จะช่วยให้อาการทุเลาขึ้นได้

นับจากสัปดาห์นี้ไป น้ำหนักของคุณจะเพิ่มขึ้นในอัตราที่คงที่ โดยทั่วไปแล้ว คุณควรมีน้ำหนักไม่เกิน 19 กก. ในขณะนี้ หรือประมาณก้อนหินขนาดย่อมๆ 2-3 ก้อนนั่นแหละ คุณจะได้รับการตรวจดูความผิดปกติที่อาจจะเกิดขึ้นกับลูกน้อยของคุณ และบางทีคุณอาจได้เห็นลูกน้อยของคุณเป็นครั้งแรกผ่านการตรวจอัลตราซาวน์

คุณจะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 0.5 ก.ก. ต่อสัปดาห์ อย่าเป็นกังวล ให้คำนึงถึงว่าน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นเป็นของชีวิตน้อยๆ อีกหนึ่งที่อยู่ในท้องของคุณ อย่าพยายามควบคุมน้ำหนัก แต่ก็ควรระมัดระวังอย่าให้เพิ่มมากเกิน เพราะจะทำให้คุณมีอาการปวดหลัง ปวดขา และเป็นเส้นเลือดขอดได้ นอกจากนี้ในช่วงนี้คุณอาจมีเหงื่อออกมามากกว่าปกติ จึงควรสวมเสื้อผ้าที่ตัดเย็บด้วยผ้าจากเส้นใยธรรมชาติ อย่าง คอตตอน หรือลินิน จะทำให้ไม่เกิดความอับชื้นระคายเคืองได้

คุณจะรู้สึกตึงคัดหน้าอก หลายท่านอาจมีน้ำนมสีเหลืองข้นไหลออกมาด้วย ปุ่มเล็กรอบหัวนมจะผลิตสารบำรุงผิวออกมาเพื่อช่วยป้องกันไม่ให้ผิวบริเวณหัวนมแตกในช่วงที่คุณให้นมลูก หน้าอกของคุณจะยังคงขยายใหญ่ต่อไปอีก คุณควรหาซื้อชุดชั้นในให้เหมาะกับขนาดสรีระที่ใหญ่ขึ้น แต่ไม่จำเป็นต้องซื้อหลายชุดนัก เพราะคุณจะได้ใช้ก็แต่เฉพาะช่วงตั้งครรภ์เท่านั้น

สายตาของคุณอาจเริ่มมีปัญหา  ซึ่งเป็นผลมาจากระดับฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลง แต่จะเป็นเพียงระยะหนึ่งเท่านั้น การไปให้แพทย์ทางสายตาตรวจ ยังอาจเป็นการตรวจสุขภาพอื่นไปในตัวอีกด้วย เช่น โรคเบาหวานในคนท้อง หรือโรคครรภ์เป็นพิษ ขณะที่ท้องของคุณโตขึ้น คุณอาจมีปัญหาอาหารไม่ย่อย และจุกเสียด แสบทรวงอกได้ พยายามกินขนมปังกรอบในช่วงที่เกิดปัญหา และลดอาหารมื้อหนักชั่วคราว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้